B2Y02

79392c600b63773d5de5ae7cbd646c9c.png

วันอาทิตย์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2556

รุ้งเริงฝน

ดอกไม้หน้าฝนเริ่มร่วงโรยหล่นทิ้งก้านดอกลงมาซบแนบแอบอิงกับพื้นดินเมื่อสิ้นฝนหยาดสุดท้าย คล้ายเป็นสัญญานบอกให้รู้ว่าฤดูฝนอันชุ่มฉ่ำกำลังจากไป ในขณะที่สายลมหนาวเริ่มพัดแผ่วอ้อยอิ่งเข้ามาแทนที่ ฤดูกาลผันเปลี่ยนไปตามวัฎจักรของมันปีแล้วปีเล่า และก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงตลอดเส้นทางที่มันเดินทางผ่าน

แล้วความเปลี่ยนแปลงของกาลเวลาก็ก่อให้เกิดสิ่งมหัศจรรย์อันน่าพิศวงและชวนให้ลุ่มหลงแก่ผมในเช้าวันหนึ่ง
ซึ่งเป็นช่วงที่ลมหนาวกำลังก้าวเข้ามาเยือน หมู่บ้านเล็ก ๆ ที่แสนสงบในชนบท
ปีนี้ผมอายุ 12 ย่าง 13 (เพราะอีกเพียงไม่กี่เดือนก็จะ 13แล้ว) กำลังเรียนอยู่ระดับชั้นประถมปีสุดท้ายและก็เทอมสุดท้ายด้วย เป็นโรงเรียนขนาดเล็ก มีนักเรืยนรวมกันทุกระดับชั้นเกือบ 270 คน (จากสองหมู่บ้าน)

สิ่งมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นกับผมที่เกริ่นแต่แรกนั่นก็คือ เช้านี้หลังจากสลัดผ้าห่มออกจากร่าง ตัดใจจากความอบอุ่นเพื่อลุกมาอาบน้ำแปรงฟันและเตรียมตัวไปเรียนเหมือนทุก ๆ วัน ภาระกิจแรกที่ทำตอนเข้าห้องน้ำคือเยี่ยวเพราะอั้นมาทั้งคืน ล้วงกระเจี้ยวออกมาและแอ่นตัวไปข้างหน้าตามเคยชิน ปรกติก็ไม่ค่อยได้สนใจอะไรมากนัก แต่วันนี้รู้สึกผิดสังเกต เอ๊ะทำไมกระเจี้ยวเราเปลี่ยนไป รู้สึกเหมือนมันจะพอง ๆ อวบ ๆ นิ่ม ๆ และยาวกว่าเดิม จับเต็มไม้เต็มมือกว่าวันที่ผ่าน ๆ มา โอ้ เกิดอะไรขึ้นกับเรานี่ ความง่วงกระโจนหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ รู้แต่ว่าความวิตกกระโดดมาทับจนตั้งตัวไม่ทัน มันเกิดอะไรขึ้น รวบรวมสติชั่วครู่ แล้วก้มลงมองน้องชายคนใหม่ให้เต็มตา มีมดหรืออะไรมากัดกระเจี้ยวตอนเราหลับหรือเปล่าหว่า พลิกซ้ายขวาไปมา ก็ไม่มีรอยกัดหรือรอยบาดแผลนี่นา แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ มันต้องมีสาเหตุสิ คิดในใจด้วยความกังวล พร้อมกับจับพลิกไปมาเพื่อตรวจหาร่องรอยอีกรอบ กำ จู่ ๆ กระเจี้ยวก็รู้สึกตัวขึ้นมา ค่อย ๆ แข็งตัวขึ้นช้า ๆ (เหมือนเรางัวเงียจากการตื่นนอนเลย) ยิ่งจับยิ่งพลิกก็ยิ่งแข็งชูชันขึ้น แล้วความใหญ่ความยาวก็เริ่มขยายพองขึ้นเต็มไม้เต็มมือยิ่งกว่าเดิมอีก แถมยังอุ่นไปทั่วท่อนลำ ทั้งตื่นเต้นทั้งกังวลปนกันไปหมด ไม่ใช่ไม่เคยกระเจี้ยวแข็งมาก่อน แต่เมื่อก่อน ถึงจะแข็งแต่มันก็ไม่ใหญ่และยาวอย่างนี้ ตอนนี้ดูมันผิดรูปผิดร่างไปหมด เมื่อจับมันตั้งตรงขึ้น เฮ่ย ส่วนหัวมันร่นเผยอเปิดออกนิดหน่อย เมื่อก้มมองใกล้ ๆ ทำให้มองเห็นรูที่ปล่อยน้ำเยี่ยวออกมานิด ๆ โคตรตื่นเต้นเลยเป็นความรู้สึกที่ยากบรรยายจริง ๆ พยามบีบนวดท่อนลำที่กำลังพองเต็มมือก็ไม่รู้สึกเจ็บปวดตรงไหน สรุปว่าแมลงไม่ได้กัดต่อยให้มันบวมแน่นอน แล้วลองกดส่วนหัวที่เปิดนิด ๆ นั่นพร้อมกับพยายามคลี่ดูร่องรู แต่มันก็เปิดได้ไม่มากแถมยังรู้สึกตึง ๆ จนเริ่มจะเจ็บนิด ๆ “รีบ ๆ หน่อยเพื่อนมารอแล้ว” เสียงของยายตะโกนเรียกมาจากตัวบ้าน ทำให้ผมต้องละความสนใจจากน้องชายคนใหม่ชั่วคราว แล้วรีบตักน้ำราดตัวละเลงฟอกสบู่จนทั่วตัว วันนี้ทำไมมีเรื่องตื่นเต้นเยอะจัง เพราะเมื่อมือผมสัมผัสกับพวงอัณฑะของตัวเองรู้สึกเหมือนมันใหญ่ขึ้นกว่าเดิมจนล้นอุ้งมือ ปรกติถ้าอาบน้ำตอนเช้ายิ่งหน้าหนาวอย่างนี้มันแทบจะหาไม่จอเพราะความหนาวทำให้มันหดคืนไปหมด แต่วันนี้แปลกจริง กระเจี้ยวแม้จะโดนน้ำที่ค่อนข้างเย็นแต่ก็ยังโด่จนชี้เด่ออกมาและยังผงกหัวหงึก ๆ พร้อมกับส่ายท่อนลำไปมาตามจังหวะการเคลื่อนไหวของผม เหมือนไม่ยอมจำนนต่อความเย็นของน้ำ ใจจริงผมก็อยากสำรวจและทำความคุ้นเคยกับน้องชายคนใหม่ให้มากกว่านี้ แต่ติดว่าเพื่อนมารอแล้ว
จึงต้องรีบอาบน้ำให้เสร็จเพื่อจะได้ไปเรียนพร้อมกัน

ระยะทาง 3 กิโลเมตรจากหมู่บ้านไปถึงโรงเรียน อาจจะมองว่าไกล แต่สำหรับเด็กชนบททุกคนล้วนเคยชินกับการเดินไปกลับทุกวัน จนเป็นเรื่องธรรมดาซะแล้ว แต่งตัวเสร็จคว้ากระเป๋าหนังสือ พร้อมห่อข้าวก็กระโดดซ้อนท้ายจักรยานของเพื่อนรักทันที วันนี้พร้อมแล้วสำหรับการเดินทาง เชษฐ์ตะวัน หรือไอ้ ต็อก เป็นเพื่อนที่ผมสนิทมากที่สุดเรียนมาด้วยกัน โตมาด้วยกันก็ว่าได้ คุยกันได้ทุกเรื่องเถียงกันได้ทุกอย่าง แต่ก็รักและซี้กันที่สุด ปรกติก็ไม่ค่อยได้สนใจอะไรมันมากนักหรอกเพราะเห็นมันก็เหมือนเห็นตัวเอง ต็อกสูงเท่า ๆ กันกับผมคือประมาณ 152 – 153 ซึ่งก็ถือว่าสูงพอสมควรสำหรับเด็กวัยนี้ ผมเป็นคนผิวสีแทน ต็อกเป็นคนผิวขาว นอกจากเป็นคนที่อัธยาศัยดีแล้วยังหน้าตาดีด้วย อืมม์ก็เพิ่งสังเกตนะว่ามันหน้าตาดี วันนี้มันก็ปั่นไปคุยจ้อไปเหมือนเคย แต่ผมกับคุยน้อยกว่าที่เคย เพราะยังรู้สึกตื่นเต้นและสับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้นไม่หาย ก็เลยจดจ่อแต่เรื่องกระเจี้ยวตัวเองจนบางทีไม่ได้ฟังว่ามันคุยเรื่องอะไร
“เฮ่ย มึงฟังกูพูดป่าวนี่” ไอ้ต็อกถามเมื่อไม่เห็นผมตอบ
“อือ กำลังฟังอยู่” ผมบอก
“กูพูดเรื่องไรมึงรู้ป่าว” มันย้ำ
“ไม่รู้ ก็มึงเล่นพูดซะหลายเรื่อง” ผมบอกมันพลางแก้ตัว
“ กูเพิ่งพูดเรื่องเดียวเอง มึงเป็นไรของมึงวะวันนี้ ท้องผูกหรือไงวะ” นั่นโดนจนได้
“ไม่มีอะไร แค่คิดอะไรเพลิน ๆ นิดหน่อย” ผมแถลง
“แล้วมึงคิดเรื่องอะไรวะ ที่ว่าเพลิน ๆ บอกกูได้ป่าว เผื่อกูจะได้เก็บไปคิดเพลิน ๆ เหมือนมึงบ้าง” มันไม่ยอมลดละ
“เอาไว้ถึงโรงเรียนก่อนเดี๋ยวกูบอก” ผมบอก
“ได้ กูรอได้” มันบอก พร้อมออกแรงปั่นจักรยานให้เร็วขึ้น อาจเพราะอยากให้ถึงโรงเรียนเร็วหรือเพื่อให้ร่างกายอบอุ่นขี้นอันนี้ก็ยากจะเดา
“เฮ้ย ไอ้ต็อก ไอ้เขต พวกมึงจะรีบไปไหนวะ รอพวกกูด้วย” เสียงตะโกนเรียกมาจากข้างหลัง ไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าเป็นไอ้ย้ง เพราะเสียงห้าว ๆ อย่างนี้จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากมัน ย้งอายุมากว่าพวกเรา 1 ปี ตัวโตและค่อนข้างสูงกว่าผมนิดหน่อยอาจประมาณ 3 – 4 เซ็นต์ ผิวเข้ม แต่เรียนชั้นเดียวกันเพราะมันย้ายบ่อยตอนเด็กเล็ก ๆ ทำให้เรียนไม่ต่อเนื่อง สุดท้ายครอบครัวก็มาลงหลักปักฐานที่หมู่บ้านของเรา มันจึงได้เริ่มเรียนต่อประถม 5 พร้อมพวกเรา แต่เพราะความเคยชินพวกเราจึงไม่ได้เรียกมันว่าพี่ ซึ่งมันก็ไม่ได้สนใจเพราะถือว่าเป็นเพื่อนกัน
“เก่งจริงตามให้ทันสิวะ” ไอ้ต็อกร้องท้าออกไป พร้อมกับเร่งปั่นจักรยานให้เร็วขึ้น
“ได้เลยพวก” ไอ้ย้ง ไอ้กานต์ รับคำท้าและเร่งปั่นจักรยานให้เร็วขึ้นเหมือนกัน ฝ่ายเราก็ไม่ยอมแพ้เร่งความเร็วเพื่อหนีให้ห่าง คนอื่น ๆ ก็ไม่ยอมลดละ สุดท้ายก็ถึงโรงเรียนเร็วกว่าเวลาปรกติของทุกวัน จอดรถใต้ถุนอาคารเรียน เอากระเป๋าไปเก็บที่ห้องเรียน ตั้งใจจะวิ่งไปสนามบอลเพื่อเตะบอลตอนเช้าเหมือนที่เคยทุกวัน
“ไหนมึงมีเรื่องอะไรจะบอกกู ว่ามา” ไอ้ต็อกพูดเมื่อยัดกระเป๋าเข้าในโต๊ะเสร็จ
“บอกตอนนี้ไม่ได้หว่ะ คนเยอะ” ผมบอกมันไปเบา ๆ เพราะคนอื่นยังง่วนอยู่ที่โต๊ะ
“มีความลับอะไรวะ” มันถามเบาลงเช่นกัน
“ไม่เชิงหว่ะ” ผมตอบ แต่ก่อนจะคุยมากกว่านั้น
“ไปเตะบอลกันดีกว่า ไปเร็วเขต ต็อก” ไอ้กานต์ตะโกนมาจากประตูห้องเรียน
“เตะบอลก่อนดีกว่า ไว้ตอนพักเทียงค่อยคุยกัน” ผมบอกต็อก แล้วตามเพื่อน ๆ ไปที่สนาม

หมอกพร่างพราวบนใบหญ้าในสนาม กับสายลมหนาวที่พัดเอื่อย ๆ ตอนเช้าไม่มีผลต่อเด็กอย่างพวกเรา เรายังคงสนุกได้ในสนามบอลจนแดดเริ่มอุ่นและเมื่อเสียงระฆังสัญญานบอกเวลา เข้าแถวเตรียมเคารพธงชาติและเตรียมเข้าเรียนดังขึ้นจึงได้หยุดเล่นกัน
ยอมรับเลยว่าตอนเรียนไม่ค่อยมีสมาธิเท่าไหร่ เพราะใจมันจดจ่อแต่เรื่องน้องชายคนใหม่ หลายครั้งที่เอามือไปล้วงลูบจับคลำมันนอกเป้ากางเกงนักเรียนของตัวเอง มันก็ยังดูเต็มมือเหมือนเดิมไม่ได้ลดขนาดลง อยากรูดซิปกางเกงแล้วสอดมือเข้าไปลูบคลำมันเหลือเกิน แต่ก็ติดตรงสถานที่ไม่เอื้ออำนวย แต่เพียงแค่คิดก็เริ่มรู้สึกคับตึงแน่นที่เป้ากางเกงแล้ว สงสัยน้องชายตัวดีคงสัมผัสได้ถึงความต้องการของเรา มันค่อย ๆ แข็งตัวขึ้นช้า ๆ จนในที่สุดก็พองตัวและดันกางเกงในแอปเปิ้ลให้โป่งออกมา จนกางเกงนักเรียนสีกากีตุงอย่างเห็นได้ชัด อึดอัดจนต้องโก่งตัวขึ้นจากเก้าอี้
“เป็นไรวะ ปวดฉี่เหรอ” ไอ้ต็อกถาม
“อืมม์” ผมปด
“ไปดิ เดี๋ยวไปเป็นเพื่อน” มันบอกด้วยหวังดี
“ใกล้หมดคาบแล้ว เดี๋ยวค่อยไปก็ได้” ผมบอก แหมใครจะกล้าเดินเป้าโด่ตุงออกจากโต๊ะเรียนหล่ะ มีหวังพวกได้แซวตายเลย ที่สำคัญก็มันแข็งขนาดนั้น ผมคงก้าวขาไม่ออกหรอก
แล้วสัญญานพักเทียงก็ดังขึ้น ครูสั่งการบ้านและออกจากห้องไป เก็บสมุดหนังสือเข้าโต๊ะ แล้วหยิบห่อข้าวเตรียมไปนั่งกินข้าวที่โต๊ะไม้ข้างหอประชุมที่ประจำของกลุ่มพวกผม 4 คน มีผม ไอ้ต็อก ไอ้ย้ง และไอ้กานต์ แต่บางวันก็อาจมีเพื่อนคนอื่นมาร่วมวงด้วย เช่นไอ้ก้อง ไอ้นก หรือไอ้คม ส่วนพวกผู้หญิงไม่มีใครกล้ามาร่วมวงด้วย เพราะมักถูกแซวเรื่องเป็นแฟนคนนั้นคนนี้ในกลุ่ม ก็เลยอายและไม่กล้ามาใกล้กลุ่มพวกผมเลย
“กินข้าวเสร็จทำอะไรดีวะพวกเรา เตะบอลไหม” ไอ้กานต์ถาม
“ไม่เอาหว่ะ แดดร้อน” ผมบอก คนอื่นก็ส่ายหน้าเหมือนกัน
“แล้วทำอะไรดีหล่ะ” กานต์ถามต่อ
“ไปที่เดิมดีไหม ไม่ได้ไปนานแล้ว” ไอ้ย้งเสนอขึ้น ที่เดิมคือที่ที่รู้กัน ป่าหลังโรงเรียน
“เออดี เหมือนกัน” ทุกคนเห็นพร้อม ผมฝากห่อข้าวให้ย้งกับไอ้กานต์เอาไปเก็บที่โต๊ะ ส่วนผมกับต็อกจะไปรอที่ห้องน้ำ ซึ่งห่างจากหอประชุมประมาณ 30 เมตร
“ตกลงมีเรื่องอะไรจะบอกกูวะ” ไอ้ต็อกถามเมื่อถึงห้องน้ำ
ที่เยี่ยวของผู้ชายจะเป็นรางยาว ไม่มีอะไรกั้น ซึ่งก็ไม่จำเป็นเพราะเด็ก ๆ ไม่ค่อยได้ใช้เท่าไหร่ ถึงใช้ก็คงไม่คิดอะไรหรอก ถ้าเวลายืนฉี่แล้วเพื่อนข้าง ๆ จะมองเห็นกระเจี้ยวของเรา ผมรูดซิปกางเกงนักเรียนลง แล้วล้วงมือเข้าไปดึงขอบกางเกงในแอปเปิ้ลสีรุ้งลงพร้อมกับกำน้องชายเบา ๆ แล้วพาออกมาสูดอากาศข้างนอกมันยังใหญ่และหยุ่นมือเหมือนตอนเช้าไม่ผิด ผมค่อย ๆ ปล่อยสายน้ำไหลออกมาจากน้องชายตัวเขื่อง
“เอ่อ คือว่า “ ผมเริ่มแบบตะกุกตะกักนิดหน่อย
“มึงดูเจี้ยวกูดิ มันบวมและยาวขึ้นมากเลย กูสงสัยว่าจะมีแมลงกัดมันหรือเปล่า แต่มันก็ไม่ปวดและไม่เห็นมีแผลนะ” ผมบอก และพยายาม แอ่นสะโพกไปข้างหน้า เพื่อให้ไอ้ต็อกได้เห็นกระเจี้ยวของผมถนัดยิ่งขึ้น
“ที่สำคัญหนังตรงปลายหัวมันแย้มเปิดออกนิดหน่อยจนมองเห็นรูเยี่ยวได้ด้วยหว่ะ มันเป็นเพราะอะไรวะ”
ผมหันไปถามมัน
“เป็นแบบเดียวกันกับของกูใช่ป่าว” มันพูด พร้อมกับเอามือที่จับกระเจี้ยวเยี่ยวอยู่ออก ทำให้ผมมองเห็นน้องชายตัวเขื่องขนาดอวบและยาวไม่ต่างกับของผมมากนัก แต่ของมันดูขาวใสกว่า และตรงหนังหุ้มปลายมันเปิดได้มากกว่าของผมเสียอีก
“เฮ้ย เจี้ยวมึงก็เป็นเหมือนกันเหรอ แล้วมันเป็นตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่เห็นมึงบอกกูเลย” ผมถาม เพราะสงสัย เมื่อต้นฝนยังแก้ผ้าโดดน้ำฝายด้วยกันอยู่เลยก็ไม่เห็นว่ามันจะใหญ่อย่างนี้
“เพิ่งเป็นได้เกือบอาทิตย์แล้วหว่ะเพื่อน ไม่ต้องตกใจหรอก แสดงว่าเรากำลังจะโตเป็นหนุ่มแล้วไงหล่ะ” มันพูดพร้อมกับสะบัดน้องชายให้สะเด็ดน้ำเยี่ยวก่อนจะเก็บเข้าในกางเกง ในขณะที่น้องชายผมดันค่อย ๆ แข็งตัวขึ้น โคตรอายเลยนะดันมาแข็งตัวต่อหน้าเพื่อนรัก ทั้ง ๆ ที่ตัวเองยังเยี่ยวไม่เสร็จอีก
“เสร็จกันยังวะ” เสียงแหบพร่าของไอ้ย้งตะโกนมาจากหน้าห้องน้ำ
ผมสะบัดน้องชายและพยายามยัดกลับคืนเข้าที่แต่มันก็ค่อนข้างยากนิดหน่อย เดินออกมาจากห้องน้ำเป้ากางเกงตุงเด่ เพราะน้องชายไม่ยอมก้มหัวผมจึงจับหัวมันเงยขึ้นแล้วดึงกางในมาปิดไว้ เราเดินไปหลังห้องน้ำพยายามให้ห้องน้ำบังกลัวครูมองเห็น แต่ส่วนใหญ่ไม่มีครูออกมาจากห้องพักในเวลาเที่ยงหรอก เดินไป 20 เมตรก็สุดเขตโรงเรียนที่ล้อมรั้วด้วยลวดหนามแล้วก็จะเป็นป่าสาธารณะที่พวกเราลอดรั้วผ่านเข้าออกได้ ผมเดินลำบากมากเพราะหัวน้องชายที่ตั้งขึ้นเสียดสีกับเนื้อผ้ากางเกงในมันเสียวแป๊บ ๆ จนรู้สึกว่าบางทีก็เจ็บนิด ๆ ต้องคอยซี้ดปากไปตลอดทางจนพ้นแนวเขตรั้ว จึงตามทันเพื่อนที่รออยู่
“เป็นไรวะ เดินโคตรช้าเลยนะมึง” ได้ต็อกถาม
“เอ่อ อืมม์ ป่าว” ผมบอกพร้อมกับพยามยามเดินนำหน้า แต่ก็ไม่พ้นคำถามอยากรู้ของพวกมันอยู่ดี
“ป่าวอะไรของมึง ก็ดูท่ามึงเดินดิ” ไอ้กานต์พูด สงสัยผมคงเดินผิดปรกติจริง ๆ
“เป็นอะไรบอกมาพวกกูจะได้รู้” ไอ้ต็อกซัก
สงสัยว่าจะจนมุมจริง ๆ แล้วหล่ะสิผม
“คืองี้” ผมเริ่มแบบไม่เต็มเสียงนัก พร้อมกับก้มหน้าหลบสายตาพวกมัน
“คือ เจี้ยวกูแข็งหว่ะ แล้ว เอ่อ แล้วก็ มันเอาหัวลงไม่ได้ กูก็เลยจับพาดขึ้น แล้วดึงกางเกงในขึ้นมาปิดไว้ แต่พอเดิน ๆ ไปหัวเจี้ยวกูเสียดสีกับกางเกงในกูก็เลยเดินลำบาก เพราะมันเจ็บ ๆ และก็เสียว ๆ ที่หัวเจี้ยวหว่ะ” พอพูดจบพวกมันก็ขำก๊ากกันยกใหญ่ ส่วนผมก็อายจนไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว
“เจี้ยวมึงแข็งตั้งแต่ตอนเยี่ยวแล้ว ยังไม่หายเหรอ” ไอ้ต็อกถาม อ้าวไอ้นี่แสดงว่ามึงก็สังเกตเห็นว่าเจี้ยวกูแข็งอะดิตอนฉี่ ผมนึกในใจ
“อื่อ” ผมรับ “กูก็พยายามให้มันหายแล้วนะ แต่มันไม่ยอมหายเลยหว่ะ ทำไงดีวะ” ผมกังวล เพราะขืนปล่อยให้มันเสียดสีอย่างนี้มีหวังผมก้าวขาไม่ออกแน่
“อยากให้มันหายมันต้องมีวิธี” ไอ้ย้งพูดขึ้น พร้อมกับยิ้มนิด ๆ
“ต้องทำอย่างไงวะ” ผมถามทันที
“เอาไว้ไปถึงฐานแล้วจะบอก” มันพูด พร้อมกับเดินนำหน้าต่อไป ไม่นานก็มาถึงฐานของเรา เป็นซุ้มไม้เถาที่เรานำปลีกไม้มาวางเรียงกันปูพื้นส่วนหลังคาและด้านข้างจะคลุมด้วยเคลือเถาว์วัล เนื้อที่ไม่กว้างนักแต่พวกเราก็มุดเข้าไปนั่งเล่นนอนเล่นได้สบาย
“บอกได้ยังวะ ย้ง ต้องทำไงถึงจะหาย” ผมถามทันทีที่มุดเข้าไปได้ น้องชายยังแข็งอยู่จนเริ่มปวดแล้วไอ้ย้งเป็นคนที่พูดตรง ๆ ประเภทขวานผ่าซาก
“มึงก็ชักว่าวสิวะ” มันพูดหน้าตาเฉยมาก
“ฮะ อะไรนะย้ง แล้วมันเกี่ยวอะไรกันวะ เจี้ยวแข็งกับชักว่าว” ผมไม่รู้จริง ๆ ว่ามันหมายถึงอะไร ที่ผมเข้าใจคือชักว่าวคือวิ่งว่าว
“เออ นั่นดิเจี้ยวแข็งชักว่าวแล้วมันจะหายเหรอวะ” ไอ้กานต์พลอยสงสัยไปด้วย
“มันไม่ใช่ว่าวอย่างนั้น” ไอ้ย้งพูดด้วยเสียงแหบ ๆ ของมัน
“ที่กูพูดหน่ะ กูหมายถึงว่า เวลาที่ควยมึงแข็งมึงก็กำควยมึงแล้วขยับมือขึ้นลง ที่เขาเรียกกันว่าชักว่าวไง” มันพูดตรงมากควยเป็นควย
“มึงก็ชักไปเรื่อย ๆ จนน้ำมึงแตก แล้วควยก็จะหายแข็งเอง” มันอธิบายต่อ
เราสามคนคงปากอ้าตาค้างอยู่นานทีเดียวก่อนไอ้ย้งจะถามขึ้น
“นี่พวกมึงไม่เคยได้ยิน พวกผู้ใหญ่เขาพูดกันเหรอ” มันถาม
“หื่อ ไม่เคย” ผมพูดพร้อมส่ายหัวยืนยัน ก็บ้านผมไม่มีผู้ชายนี่นา
“กูเคย แต่กูไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร ทำยังไง” ไอ้ต็อกพูด
“เอางี้ย้ง มึงเคยป่าววะ” ผมถาม
“เคย” ไอ้ย้งตอบพร้อมกับหน้าแดงจนเห็นได้ชัดทีเดียว
“เฮ่ย จริงเหรอย้ง เมื่อไหร่วะ แล้วมันทำยังไงวะ แล้วมึงมีน้ำแล้วเหรอย้ง” ไอ้กานต์ถามยาวพรืดเดียว
“น้ำที่ว่านี่ คือ อสุจิใช่ไหมย้ง” ไอ้ต็อกถาม
“อืมม์” ไอ้ย้งพูดน้อยเหมือนเดิม
“ย้ง มึงทำให้พวกกูดูได้ป่าววะ กูอยากรู้ว่ามันทำอย่างไร” ผมรุกทันที
“เฮ่ย มึงไม่คิดว่ากูจะอายพวกมึงเหรอวะ จะให้กูชักว่าวให้พวกมึงดู” มันแย้ง
“อ้าว มึงจะอายทำไม มึงเพื่อนกูไม่สอนกูแล้วจะสอนใครวะ” ไอ้กานต์ท้วง
“เอางี้ย้ง มึงสาธิตวิธีให้พวกกูดู แล้วพวกกูจะทำตามมึง แล้วพวกมึงว่าไงวะ ต็อก กานต์” ผมเสนอและหาแนวร่วม
“เอาดิ ว่าไง ว่าตามกัน” สองคนรับเงื่อนไข
“เอ้าพร้อมยัง ลำดับแรก ถอดเสื้อกางเกง กางเกงในออกให้หมดเลย” ไอ้ย้งพูดด้วยเสียงแหบ ๆ พร้อมกับเริ่มถอดชุด
“ทำไมต้องถอดหมดด้วยวะ” ไอ้กานต์สงสัยแต่ก็ลงมือทำตาม
“เวลาที่น้ำมึงแตก มันจะได้ไม่เลอะเสื้อกับกางเกงมึงไง มึงรู้ป่าวน้ำอสุจิ กลิ่นโคตรฉุนเลยนะมึง” ไอ้ย้งอธิบาย
พร้อมกับรูดกางเกงในแอปเปิ้ลออกจากปลายเท้า ควยขนาดเขื่องสีค่อนข้างคล้ำทั้งใหญ่และยาวงอโค้งก็แกว่งไปมา
มันใหญ่กว่าของผม แถมหนังหุ้มปลายก็ร่นเปิดจนถึงกลางส่วนหัว เผยให้เห็นหัวที่ค่อนข้างใหญ่สีออกชมพูจาง ๆ
ตอนนี้พวกเราทั้งสี่อยู่สภาพชีเปลือยถ้วนหน้า ถ้าวัดกันจากกระเจี้ยวแล้ว เราสามคนคือผม ไอ้ต็อก ไอ้กานต์ ขนาดไล่เลี่ยกัน ส่วนของไอ้ย้งกินขาดเรื่องขนาดใหญ่และยาว แล้วตรงรอบโคนยังสังเกตเห็นเส้นหมอยขึ้นหรอมแหรม
ของไอ้กานต์มีไรขนแดง ๆ ขึ้นบาง ๆพอสังเกตเห็นได้ เช่นเดียวกับไอ้ต็อก แต่ของผมยังไม่มีเลย
“โห ไอ้ย้งเจี๊ยว แม่งโคตรใหญ่เลยหว่ะ” ไอ้กานต์ทัก ไอ้ย้งหน้าแดง ไม่รู้ว่าเพราะคำชมหรืออาย
“เออ มีหมอยขึ้นแล้วหว่ะ” ไอ้ต็อกเสริม
“แถมหัวยังเปิดตั้งครึ่งแล้วด้วย” ไอ้ต็อกพูดอย่างตื่นเต้น
ผมนั่งแข็งทื่อ กลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น รู้สึกใจเต้นรัวแรงผิดปรกติ กระเจี้ยวแข็งโด่ ผงกหงึก ๆ จนปวดหนึบแล้ว ไอ้ย้งเอามมือกุมกระเจี้ยว มันโผล่พ้นกำมือออกมาเกือบนิ้ว มันเริ่มรูดมือเข้าออกเบา ๆที่ท่อนลำ เพียงไม่กี่ครั้งท่อนลำของมันก็แข็งโด่ขึ้นอย่างรวดเร็วยาวเพิ่มขึ้นอีกน่าจะสองนิ้ว ผมจ้องตะลึงในความใหญ่และยาวที่ขยายขึ้น จนลืมทำตามที่มันสาธิต ไอ้กานต์กับไอ้ต็อกก็ไม่ต่างกัน
“อ้าว ชักควยสิวะ พวกมึง” มันบอก เมื่อเห็นพวกผมยังตะลึงอยู่
ไม่ต้องให้บอกซ้ำพวกเรามองไอ้ย้งและทำตาม มันเริ่มเร่งมือขึ้นเมื่อเจี้ยวมันแข็งเต็มที่ พวกเราก็เร่งมือตามมันเหมือนกัน จนรู้สึกตึงที่หนังหุ้มปลาย ยิ่งชักยิ่งตื่นเต้น ยิ่งเสียว ไอ้ย้งรูดควยมันเข้าออกสุดลำ จนเผยให้เห็นหัวควยสีชมพูอมแดงของมัน ผมตื่นเต้นจนอดใจไม่ไหว เพราะเป็นครั้งแรกที่เห็นหัวควยที่ไม่มีหนังหุ้มปลายปกปิด
“เดี๋ยวก่อนย้ง” ผมบอกมันเสียงสั่นนิด ๆ
“มีอะไรวะ” มันถาม
“กูขอดูหัวเจี้ยวมึงชัด ๆ หน่อยสิวะ” ผมเอ่ยปาก
แทนคำตอบไอ้ย้งดึงรั้งหนังหุ้มควยลง จนหัวควยที่เริ่มมีสีแดงก่ำไม่มีหนังปกปิด กระดกหงึก ๆ ไปมา พวกเราตาค้างจ้องอย่างตะลึง
“หัวควยมันเป็นอย่างนี้หรือวะ แม่งสุดยอดหว่ะ” ไอ้กานต์พูดอย่างตื่นเต้น
“เมื่อไหร่ของกูจะเปิดได้หมดอย่างนี้วะ” ไอ้ต็อกพูดขณะที่ดึงรั้งหนังหุ้มปลายของมันลง แต่ก็ลงได้เกือบครึ่ง
“มึงก็ชักว่าว บ่อย ๆ สิวะ” ไอ้ย้งตอบ
“กูขอจับได้ไหมวะย้ง” ผมพูดขึ้น เพราะทนไม่ไหวจริง ๆ
“ได้สิ แต่เบา ๆ นะเว้ย” มันพูด นอกจากขวานผ่าซากแล้ว มันยังเป็นคนจริงคนหนึ่ง
ผมเอื้อมมือไปจับที่หัวควยแดงก่ำที่ผงกหงึก ๆ เบา ๆ รู้สึกอุ่นที่นิ้ว ผมลูบเบา ๆ สังเกตเห็นตรงรูเยี่ยวมีน้ำใส ๆ ปริ่มออกมา
“ซี๊ด อา เสียวโว๊ย พอแล้ว” ไอ้ย้งบอกเสียงติด ๆ ขัด ๆ
“เอ้า ชักต่อได้แล้ว” มันพูดพร้อมกับเริ่มชักมือเข้าออก
“ย้ง แล้วเราจะรู้ได้ไงว่า เมื่อไรน้ำจะแตก” ไอ้ต็อกถาม
“เดี๋ยวมึงก็รู้เอง ตอนที่มึงเสียวมาก ๆ จนกลั้นไม่ไหวนั่นแหละ” มันตอบขณะสาวมือช้า ๆ
“แล้วอย่างกูนี่ จะมีน้ำยังวะ” ไอ้กานต์สงสัย
“ควยโตขนาดนี้แล้ว มันต้องมีสิวะ ไม่ใช่ควยเด็ก ๆ แล้วนะของมึง” ไอ้ย้งตอบ
ไอ้กานต์ยิ้มกว้างดูท่าคงภูมิใจในชมของเพื่อน
แล้วเสียงพูดคุยก็เงียบลง ต่างคนต่างชักท่อนลำตัวเองเข้าออกจากช้า ๆ เริ่มเร็วขึ้น ๆ แล้วเสียงหายใจฟืดฟาดก็ตามมา
พร้อมเสียงซู๊ดปาก เสียงเป่าลมออกปาก ผ่านไปเกือบ 5 นาทีหลังจากที่ทุกคนคร่ำเคร่งชักท่อนลำเข้าออก
“ซี๊ด อาวว์ โคตรมันเลยหว่ะ” ไอ้กานต์ทำลายความเงียบทั้งเป่าปากแรง ๆ หน้าแดงก่ำ
“อย่าหยุดนะเว้ย “ ไอ้ย้งบอก
“จ้างให้ กูก็ไม่หยุด เพราะกูโคตรเสียวเลย โอ๊ว” ไอ้กานต์บอก พร้อมชักมือเร็ว ๆ รัว ๆ
“โอ้ย โคตรเสียวเลยหว่ะ กูจะทนไม่ไหวแล้วเว้ย เหมือนเยี่ยวจะแตกแล้วหว่ะ” ไอ้ต็อกพูดพร้อมกับหายใจยาว ๆ หนักหน่วง มือเร่งกระตุกรัว ๆ
ส่วนผมกัดฟันกรอด มือก็รัวชักท่อนลำตัวเองเช่นกัน มันเสียวซ่านไปหมดทั่วทั้งร่างเลย จนต้องเผลอขมิบก้นเบา ๆ
“ไม่ไหวแล้ว ๆ จะออกแล้ว ๆ น้ำกูจะออกแล้ว” ไอ้กานต์ร้องเสียงหลง
“กระเด้าด้วยสิ มึงจะเสียวกว่านี้” ไอ้ย้งแนะ
ไอ้กานต์กระเด้าเอวได้แค่สามทีเท่านั้น มันก็ซี๊ดปากร้องออกมา “น้ำกู น้ำกู แตก แตกแล้ว” สิ้นเสียงน้ำขาวใส ขุ่นข้นนิดหน่อยพุ่งทะลักออกมาแรงมาก กระเด็นไปเกือบสองเมตร ผมตื่นเต้นจนระงับความเสียวไว้ไม่อยู่
“ออกแล้ว ออกแล้ว น้ำกูจะออกแล้วหว่ะ” ผมกระเด้งบั้นเอวสวนจังหวะการชักมือเข้าออกสามสี่ครั้งมันเสียวมาก จนลืมว่าควยตัวเองยังไม่เปิดรู้สึกเจ็บแปล๊บที่หนังหุ้มปลายแต่ความเสียวมันมีมากกว่า ผมกระเด้าสวนอีกสองครั้งแล้วเกร็งตูดแน่นน้ำเหมือกขุ่นใสเหมือนของไอ้กานต์ก็พุ่งทะลักออกมา มันกระเด็นไปไกลมาก ผมบีบท่อนลำไว้แน่นพร้อมซี๊ดปากยาว
“เสียวหัวควยโว๊ย ไม่ไหวแล้วโว๊ย น้ำกูจะออกแล้ว หลบนะเว้ย หลบ ๆ “ ไอ้ต็อกพูด พอจบคำน้ำควยก็พรุ่งพรวดออกมา มันแหงนหน้าหลับตาปี๋หน้ามันแดงก่ำ เกร็งร่างอยู่เป็นนาน
“มึงยังไม่ใกล้แตกหรือวะย้ง” ไอ้กานต์ถาม
“ใกล้แล้วหว่ะ ซี๊ดส์ เสียว” มันตอบพร้อมกับชักควยเข้าออก มันเอาหัวแม่มือบี้ที่หัวควยมันด้วย
“อาว์ อาว์ แตกแล้ว แตกแล้ว” มันพูดพร้อมกับกระเด้งเอวสวนจังหวะการชักมือ สี่ห้าทีแล้วมันก็เกร็งร่างนิ่ง น้ำควยมันก็ทะลักออกมาสีขุ่นข้น ไม่ใสเหมือนของพวกเรา
เหงียบไปพักใหญ่ได้ยินแต่เสียงหอบหายใจของพวกเรา
“อืมม์ โคตรเสียวเลยหว่ะ ไม่คิดว่ามันส์ขนาดนี้” ไอ้กานต์พูดขึ้น
“ติดใจแล้วสิมึง” ไอ้ย้งพูด
“ก็มันเสียวอย่างงี้ ไม่ติดใจได้ไงวะ อย่างนี้กูต้องชักทุกวันแล้วหว่ะ”ไอ้กานต์พูดพร้อมกับบีบท่อนควยตัวเองเบา ๆ ผมก็บีบนวดของตัวเองบ้าง รู้สึกที่ฝ่ามือผมมีน้ำเหนียว ๆ เลอะเต็มไปหมด ผ่านไปสี่ห้านาทีสังเกตเห็นท่อนควยคนอื่นค่อย ๆ อ่อนลงบ้างแล้ว แต่ของผมยังกระดกหงึก ๆ อยู่ถึงจะไม่แข็งปั๋งแต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะอ่อนลงง่าย ๆ
“เฮ้ย ไอ้เขตควยมึงยังไม่อ่อนอีกเหรอ สงสัยต้องชักอีกรอบแล้วนะมึงนี่” ไอ้กานต์ถาม เมื่อเห็นควยผมยังไม่ยอมอ่อนตัว
“ไม่ทันแล้วมึง เช็ดมือเช็ดควยแล้วแต่งตัวกลัวกลับเข้าโรงเรียนได้แล้วเดี๋ยวระฆังดังจะไปไม่ทัน” ไอ้ย้งพูดพร้อมกับลุกขึ้นเช็ดมือ ควยมันห้อยหัวแกว่งไปมาตามจังหวะการเคลื่อนตัว มันเช็ดมือกับกางเกงใน แล้วเช็ดควย มันร่นหนังหุ้มปลายแล้วปลิ้นหัวควยซับไปมา ผมเห็นแบบนั้นควยผมจากแค่พอกึ่ง ๆ ดันแข็งโป๊กขึ้นทันที มองคนอื่นก็เห็นว่ากำลังเช็ดควยตัวเองเหมือนกัน มันช่างเป็นภาพกระตุ้นผมจริง ๆ ควยขาว ๆ ของไอ้ต็อกที่โด่โค้งออกมา หรือควยของไอ้กานต์ที่ใหญ่ไม่แพ้กันแต่ต่างที่สีนิดหน่อย และพวงไข่ที่ค่อนข้างย้อยยานกว่า มันยากที่จะระงับความตื่นเต้นได้ ผมเช็ดคราบน้ำที่มือกับแผ่นไม้ จนหมาดแล้วจึงใช้กางเกงในซับมืออีกที แล้วเช็ดที่ท่อนลำค่อย ๆ แต่ก็ต้องซี้ดปากเมื่อมันดันสัมผัสโดนกับปลายหัวส่วนที่เปิดนิดหน่อยนั่น ผมยกกางเกงในขึ้นมาสูดดมซึ่งเป็นนิสัยประจำตัวอย่างหนึ่งของผมก่อนนุ่งกางเกงในต้องดมก่อน มันมีกลิ่นฉุนแปลก ๆ ไม่ถึงกับคาวมาก ยิ่งผสมกับกลิ่นคราบฉี่ด้วยยิ่งเป็นกลิ่นที่บรรยายไม่ถูก แต่รู้ว่ามันช่วยกระตุ้นให้ควยผมโด่ขึ้นหนักกว่าเดิมอีก ท่อนควยที่แข็งทำให้ผมต้องพาดหัวมันตั้งขึ้นอีกแล้ว ไม่งั้นคงใส่กางเกงในไม่ได้แน่ คงเดินลำบากอีกแล้วสิเรา ผมเริ่มกังวล แต่งตัวเสร็จพวกเราก็เดินออกจากฐานมุ่งหน้าสู่โรงเรียน ระหว่างทางก็พูดถึงแต่เรื่องที่เพิ่งร่วมมือกันทำเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา
“ปวดฉี่หว่ะ ขอฉี่แป๊บนะ” ไอ้กานต์พูด แล้วเดินไปยืนฉี่ตรงรั้วที่เพิ่งมุดลอดออกมา
“เออ กูก็ด้วย” ไอ้ย้งพูดพร้อมกับรูดซิปแล้วล้วงท่อนควยออกมายืนฉี่ข้าง ๆ ไอ้กานต์
“พวกมึงไม่ปวดเหรอวะ” ไอ้กานต์ร้องมาถาม เมื่อเห็นผมกับไอ้ต็อกยังยืนนิ่งเฉย
“ไม่ปวดหว่ะ แต่กูปวดหนัก กูไปส้วมก่อนนะโว้ย” ไอ้ต็อกบอก และรีบออกเดินทันที ผมตามมันไปเหมือนกัน
เดินไม่กี่นาทีก็มาถึงห้องน้ำโรงเรียน ไอ้ต็อกรีบเผ่นเข้าห้องส้วมทันที ส่วนผมไม่ได้ปวดขี้ แต่ก็เข้าห้องน้ำที่อยู่ติดกันกับมันเหมือนกัน เข้าห้องปิดประตูได้ก็ปลดเข็มขัดออก รูดซิปดึงกางเกงลง ท่อนลำยังพาดขนานกับหน้าท้องจนปวดหนึบแล้ว ผมดึงกางเกงในลง มันดีดผึงออกมาทันที ผงกหัวหงึก ๆ เหมือนกำลังดีใจที่หลุดพ้นได้รับอิสระภาพ ผมจับประครองด้วยความตื่นเต้น มันอุ่นจนแทบจะร้อนผ่าวทีเดียว ผมตั้งลำมันให้ตรงและมองดูส่วนหัวที่เปิดนิด ๆ นั่น น้ำใส ๆ เยิ้มที่ปากรู พยายามคลี่ร่นหนังหุ้มปลายออกเพื่ออยากเห็นส่วนหัวสีชมพูชัด ๆ บ้าง แต่ก็ทำได้แค่นิดหน่อยเท่านั้น ภาพส่วนหัวสีชมพูแดงก่ำของไอ้ย้ง ยังติดตามผมอยู่ ผมอยากเห็นส่วนหัวของผมแบบนั้นบ้าง ผมอยากจ้องดูมันนาน ๆ แต่ผมก็รู้ว่ามีเวลาเหลืออีกไม่มากนัก ผมสาวมือเข้าออกช้า ๆ ไปเรื่อย ๆ ในหัวก็คิดถึงแต่เหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมา ผมเริ่มเร่งความเร็วขึ้นเรื่อย ๆ ตามลำดับความเสียวที่พุ่งทะยานขึ้น
“ไอ้ต็อก มึงขี้เสร็จยังวะ” เสียงไอ้กานต์ตะโกนเรียกจากหน้าห้องน้ำ
“ยัง พวกมึงไม่ต้องรอ ไปก่อนเลย” ไอ้ต็อกตะโกนตอบ
“เออ ๆ งั้นพวกกูไปก่อนนะ” ไอ้กานต์ตะโกนบอก
ผมยังคงสาวควยเข้าออกไปมาไม่ยอมหยุด เพราะมันมันส์เกินจะห้ามให้หยุดไหว เสียวจนต้องซี๊ดปากเบา ๆ ตาจ้องท่อนลำที่มุดกำมือเข้าออกอย่างตื่นเต้น
“เขต เสร็จยังวะ” เสียงไอ้ต็อกเรียกที่หน้าห้องน้ำ มันเสร็จตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้เพราะผมกำลังง่วนชักว่าวอยู่จนลืมสังเกตเสียงตักน้ำราดส้วม
“ยะ ยัง ยังหว่ะ” ผมตะกุกตะกักตอบไป พยายามปรับเสียงให้เป็นปรกติที่สุด
“มึงทำอะไรอยู่วะ กูเข้าไปได้ป่าว” มันพูดเบา ๆ พอให้ได้ยิน
กำ ละกู กำลังเสียว ๆ เพลิน ๆ ไอ้เพื่อนรักจะเข้ามา ถ้ามันเห็นว่ากำลังทำอะไรจะอธิบายยังไงหล่ะ
“ดะ ได้ ได้” ผมพูดพร้อมกับปลดล็อกกลอน มืออีกข้างกำน้องชายไว้แน่น
มันดันประตูเข้ามาแล้วปิดล็อก
“กูนึกแล้ว ว่ามึงต้องมาชักว่าวต่อ เพราะเห็นควยมึงแข็งโด่ไม่ยอมลงเลย” มันพูดตาจ้องมองที่ท่อนควยผม
“ใกล้แตกยัง เดี๋ยวกูชักเป็นเพื่อน” มันพูดพร้อมกับปลดเข็มขัดออก รูดซิปกางเกงลง แล้วงัดท่อนควยขาว ๆ อมแดงออกจากกางเกงในมากำไว้แล้วชักเข้าออก ท่อนควย ขาวอมแดงเริ่มแข็งและพองตัวขึ้นช้า ๆ ไอ้ต็อกขยำมันเล่นเบา ๆ หนังหุ้มปลายมันเปิดร่นลงไป เผยส่วนหัวสีชมพูสดออกมา มันเอาปลายนิ้วเขี่ยสัมผัสที่ส่วนหัว แล้วซี๊ดปากเพราะความเสียว แล้วท่อนลำของมันก็พองแข็งปั๋งเต็มมือยาวล้นกำมือออกมาเห็นได้ชัดเจน มันกระตุกมือเร็วขึ้น หน้าท้องขาวใสแบนราบของมันเริ่มเกร็งเป็นช่วง ๆ ตามจังหวะการซี๊ดปากและลั้นหายใจ แล้วห้องน้ำแคบ ๆ ก็ตกอยู่ในความเงียบชั่วขณะ เพียงไม่กี่นาทีก็มีเสียงหายใจฟืดฟาด เสียงซี๊ดตามมา ไอ้ต็อกหน้าแดงแหงนหน้าหลับตาปี๋ เร่งสาวมือเร็วและแรงขึ้น ได้ยินเสียงกัดฟัดกรอด ๆ
“โอว ๆ โอ้ย จะแตกแล้ว น้ำ น้ำกู จะแตกอีกแล้ว” มันพูดจบ ก็กระเด้งดูดอัดกับกำมือของมันสามสี่ที ก่อนเกร็งสะโพกแอ่นออกไปเต็มที่ แล้วน้ำใส ๆ ก็พวยพุ่งทะลักออกมากระเด็นไปชนผนังห้องน้ำ ผมเสียวแปล๊บไปทั่วร่างเมื่อจ้องที่ท่อนควยของมันและน้ำที่ทะลักล้นหลั่งออกมา ยิ่งใบหน้าที่แสดงออกถึงความซ่านเสียวของมันยิ่งทำให้ผมไม่สามารถต้านทานกลั้นกักความเสียวที่กำลังพุ่งออกมาได้ต่อไปอีกแล้ว
“โอ๊ กู น้ำกู จะ จะแตกแล้ว” แล้วผมก็กระเด้ากำมือสุดแรงและเกร็งขมิบก้นค้างตอนที่น้ำผมทะลักล้นออกมาพุ่งไปชนผนังห้องน้ำตรงจุดเดียวกับของไอ้ต็อก แต่สังเกตว่ามันไม่เยอะเหมือนคราวที่แล้ว เสียงเป่าลมออกจากปาก และเสียงหอบหายใจของเราทำลายความเงียบที่เกิดขึ้น
“เสียวโคตร ๆ เลยหว่ะ โคตรมีความสุขเลย ตัวเบาเหมือนจะลอยได้เลย” ไอ้ต็อกพูดแล้วหันมาส่งยิ้มให้ผม เป็นรอยยิ้มที่ผมเห็นจนชิน แต่ทำไมวันนี้รอยยิ้มนั้นมันเหมือนมีอะไรผิดปรกติสักอย่าง แต่ไม่รู้ว่า คืออะไร
“แกร๊ง ๆ แกร๊ง ๆ “ เสียงสัญญานระฆังแรกดังขึ้น
“ล้างควยกันเถอะ เดี๋ยวไปไม่ทันเข้าแถว” ต็อกพูดพร้อมกับตักน้ำขึ้นมา แล้วยื่นมาทางผม ผมแอ่นสะโพกเด้งออกไปข้างหน้า เพื่อให้ควยมันลอยเด่นออกไปจากส่วนอื่น ๆ มันเทน้ำเบา ๆ ลาดตรงมือผมที่กำท่อนควย ผมล้างจนคราบน้ำที่ท่อนควยและที่มือหมด แล้วใช้ชายเสื้อซับท่อนควย ก่อนดึงกางเกงในมาสวม ตามด้วยกางเกงนักเรียน ส่วนไอ้ต็อกก็หันมาจัดการชำระล้าง ท่อนควยของมันเอง ผมรู้ว่าผมรักมัน เพราะมันเป็นเพื่อนรักของผม มีอะไรมันจะต้องนึกถึงผมก่อน ยิ่งวันนี้ผมยิ่งซาบซึ้งน้ำใจมัน แทนที่มันจะล้างควยมันก่อนแต่มันกลับทำให้ผมก่อน ผมไม่รู้ว่าเป็นเพราะความตั้งใจหรือความเคยชินของมัน แต่สำหรับผม มันคือที่สุดของคำว่าเพื่อน

lotto432-1